เรากำลังอาศัยอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่มีใครเคยได้สัมผัสมาก่อน – ช่วงเวลาที่ธุรกิจส่วนใหญ่ต้องเจอกับภัยพิบัติชนิดใหม่ที่ไม่มีใครเคยรับมือ ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังต่อสู้กับวิกฤตโควิด -19 ระลอกที่สอง จำเป็นอย่างยิ่งที่แวดวงธุรกิจ จะต้องเข้าใจถึงเทรนด์การตลาดดิจิทัลที่จะเกิดตามมาภายหลังที่โรคระบาดจบลง เพื่อให้สามารถอยู่รอดและประสบความสำเร็จได้เมื่อโลกย่างก้าวเข้าสู่ยุคต่อไป
แวดวงธุรกิจในโลกยุคหลัง COVID-19
ในขณะที่การระบาดระลอกที่สองดูเหมือนจะร้ายแรงน้อยกว่าครั้งแรก แต่หลายประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ออสเตรีย, อิสราเอล, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, จีน, เลบานอน, เยอรมนี, อิหร่าน, อิรัก, ซาอุดีอาระเบีย, ศรีลังกา, เอล ซัลวาดอร์, และปากีสถาน ได้หวนกลับมาใช้มาตรการกักกันโรคและการล็อคดาวน์อีกครั้ง
ระหว่างการใช้มาตรการล็อคดาวน์ที่ก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยและระดับความวิตกกังวลที่สูงขึ้นของผู้คน ไม่น่าแปลกใจที่ธุรกิจจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนจากการระบาดครั้งนี้
ในความเป็นจริง ทาง American Bankruptcy Institute ระบุว่าจำนวนธุรกิจที่ถูกยื่นฟ้องล้มละลายในช่วงต้นเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเพิ่มขึ้น 26% จากปี 2019 แบรนด์ใหญ่ ๆ เช่น Neiman Marcus, Gold's Gym, J.Crew, Ultra Petroleum และ Whiting Petroleum เองก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของ COVID-19
เมื่อต้นเดือนมีนาคม ธุรกิจหลายพันแห่งเริ่มประสบปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานที่หยุดชะงักและถูกจำกัดการเข้าถึงตลาดใหญ่อย่างจีน แม้ว่าหลายแห่งจะไม่ได้ถูกยื่นฟ้องล้มละลาย แต่รายได้และการดำเนินงานของแบรนด์อย่าง Under Armour, Disney, IMAX, Nintendo, Apple, Qualcomm, Hyundai, Nike, Estée Lauder, McDonald’s, Starbucks และอื่น ๆ ล้วนได้รับผลกระทบในทางลบ
ผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็กนั้นร้ายแรงพอ ๆ กัน (หรืออาจมากกว่า) ในช่วงต้นเดือนมีนาคม เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก 75 เปอร์เซ็นต์ แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ COVID-19 ต่อการดำเนินงาน ในเดือนตุลาคม ผลการวิเคราะห์ของ Yelp พบว่าธุรกิจขนาดเล็กราว 100,000 แห่ง ปิดตัวลงอย่างถาวร และนั่นคือตัวเลขในสหรัฐอเมริกาเพียงแค่ที่เดียวเท่านั้น
บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
แทบจะไม่ถึงหนึ่งปีนับตั้งแต่ COVID-19 (ชื่อที่ทางองค์การอนามัยโลกตั้งให้กับความป่วยไข้ที่เกิดจากไวรัส SARS-CoV-2) – เกาะกุมโลกทั้งใบ ในช่วงเวลาอันสั้นนี้ COVID-19 ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อวิถีในการทำงาน สังสรรค์ ช็อปปิ้ง ท่องเที่ยว และการทำกิจกรรมอื่น ๆ ในชีวิตของเรา
ผลกระทบต่อธุรกิจและวิธีการดำเนินงานขององค์กรเองก็มีมากมายเช่นเดียวกัน การติดต่อในรูปแบบต่าง ๆ อย่างทางโลกเสมือน (Virtual), การติดต่อระยะไกล (Remote), และการติดต่อแบบแบบไม่สัมผัส (Contactless) เองก็ได้เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค โครงสร้างรายได้ และกลยุทธ์ทางการตลาด
แน่นอนว่า การทำการตลาดออนไลน์ของธุรกิจเองก็ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดนี้ ธุรกิจจำนวนมากถูกบีบให้ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างเร่งด่วนเพื่อที่จะอยู่ให้รอด และการเปลี่ยนแปลงที่ว่าก็น่าจะยังคงมีอยู่ต่อไปเมื่อโลกเข้าสู่ช่วงหลังการแพร่ระบาด การปรับตัวนี้เป็นสิ่งจำเป็นหากต้องการที่จะประสบความสำเร็จในตลาดโลก
ในบทความนี้ เราจะสำรวจเทรนด์การตลาดดิจิทัลที่จะเกิดขึ้นในโลกยุคหลัง COVID-19 เราหวังว่า คุณจะใช้สิ่งที่เรียนรู้จากจากบทความเพื่อทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จในตลาดยุคใหม่ที่ท้าทายยิ่งกว่า ไม่ว่าธุรกิจนั้นจะอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมไหน หรืออยู่ที่ใดของโลกก็ตาม
บทความนี้จะกล่าวถึงหัวข้อย่อยต่อไปนี้:
เทรนด์การตลาดดิจิทัลหลัง COVID-19 # 1: การตลาดออนไลน์เป็นบรรทัดฐาน
เทรนด์การตลาดดิจิทัลหลัง COVID-19 # 1: Holistic Transformation
คู่มือนี้ค่อนข้างครอบคลุม ดังนั้นเราขอแนะนำให้คุณบุ๊กมาร์กหน้านี้เพื่อให้สามารถอ่านต่อได้ หากต้องการพักแล้วมาอ่านใหม่
มาเริ่มเรียนรู้แนวโน้มการตลาดออนไลน์หลังในโลกยุคหลัง COVID-19 กันเลยดีกว่า
เทรนด์การตลาดดิจิทัลหลัง COVID-19 # 1: การตลาดออนไลน์กลายเป็นเป็นบรรทัดฐานใหม่
การมาถึงของปี 2020 ได้กลายเป็นไฟลท์บังคับให้ธุรกิจที่ไม่เคยทำการตลาดออนไลน์มาก่อนต้องหันมาใช้ช่องทางนี้เพื่อที่จะสามารถอยู่รอดได้ เนื่องด้วยจำนวนของผู้คนที่เลิกเดินทางไปจับจ่ายที่ร้านค้าด้านนอก ร้านค้าออนไลน์จึงกลายเป็นหนทางเดียวสำหรับธุรกิจที่ต้องการจะอยู่รอดในสภาวะเช่นนี้
จากรายงานของบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการระดับโลก McKinsey & Company ระบุว่า ในช่วง 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้บริโภคที่หันมาใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นมากกว่าในช่วงเวลาใดตลอด 5 ปีที่ผ่านมา พวกเขาจำนวนมากเพิ่งเริ่มเข้าสู่ช่องทางดิจิทัลเป็นครั้งแรกก็เพราะต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดครั้งนี้
ในบรรดาผู้บริโภคในละตินอเมริกา มีผู้คนกว่า 13 ล้านคนที่ทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซเป็นครั้งแรกในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ ในขณะเดียวกัน ณ เดือนมีนาคม 2020 จากการทำเซอร์เวย์ ร้อยละ 5 ของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาที่มีอายุ 64 ปีขึ้นไปได้ซื้อของทางออนไลน์เป็นครั้งแรก เนื่องจากการกักกันตัวและการเว้นระยะห่างทางสังคม หนึ่งในสามของคนเหล่านี้กล่าวว่า พวกเขามีแผนที่จะซื้อสินค้าจากร้านค้าออนไลน์มากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ในทุกประเทศที่ทาง McKinsey & Company ได้ทำเซอร์เวย์สำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภค พบว่าผู้คนเปลี่ยนไปใช้ช่องทางการติดต่อแบบดิจิทัลหรือเลี่ยงการติดต่อสัมผัสให้น้อยที่สุดในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ
ในช่วงต้นเดือนของปี 2020 สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) คาดการณ์ว่ายอดขายออนไลน์ในปี 2020 จะสูงกว่า 49,000 ล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 33 พันล้านดอลลาร์ในปี 2017) อย่างไรก็ตาม Amazon เพียงแบรนด์เดียวมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 26 เปอร์เซ็นต์ (เป็นมูลค่าราว 75 พันล้านดอลลาร์) ในไตรมาสแรกของปี 2020 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ในไตรมาสที่สอง ยอดขายสุทธิทั้งหมดของ Amazon เกิน 88.9 พันล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นจำนวนตัวเลขที่สูงที่สุดที่เคยบันทึกไว้ เมื่อเทียบเป็นรายปีคือ 40.2 เปอร์เซ็นต์ เป็นอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดเป็นอันดับสองเท่าที่เคยมีมา
McKinsey & Company รายงานด้วยว่า ความตั้งใจของผู้บริโภคที่จะซื้อสินค้าในร้านค้าภายหลังจากการระบาดลดลงถึง 8 เปอร์เซ็นต์ในสเปนและ 7 เปอร์เซ็นต์ในทั้งสหราชอาณาจักรและอิตาลี แนวโน้มนี้จะยังคงอยู่แม้ว่าจะมีการจัดการการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้แล้วก็ตาม ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการซื้อของแบบออนไลน์ปลอดภัยกว่า ถูกกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าสำหรับผู้คน เมื่อเทียบกับการซื้อของที่หน้าร้าน
ธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือธุรกิจที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอยู่แล้ว (เช่น ของชำหรือของใช้ในบ้าน, ยา, อุปกรณ์สัตว์เลี้ยง, และสินค้าทั่วไป) และธุรกิจที่ต้องพึ่งการวางออร์เดอร์และการปฏิสัมพันธ์เพื่อสร้างรายได้ (เช่น สินค้าหรูหรา, เครื่องมือเครื่องใช้, สายงานบริการ, ยานยนต์, และเฟอร์นิเจอร์)
รายงานของ Deloitte ให้ข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น: ในไตรมาสที่ 1 ปี 2020 สินค้า DIY และสินค้าเกี่ยวกับบ้านพบว่ามีอัตราการเติบโตที่น่าอัศจรรย์ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ในขณะเดียวกัน ของเล่น, สินค้าเกี่ยวกับการเรียนรู้, และเสื้อผ้าสำหรับการออกกำลังกาย มียอดสั่งซื้อทางออนไลน์เพิ่มขึ้นกว่า 35 เปอร์เซ็นต์
ในทางกลับกัน หมวดหมู่สินค้าหรูหราและเครื่องแต่งกายทั่วไปเพิ่มขึ้นเพียงราว 10 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2020 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019
ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะโชคดีพอที่จะอยู่ในประเภทแรก หรือต้องการความช่วยเหลืออย่างมากหากอยู่ในประเภทที่สอง การที่ผู้บริโภคเปลี่ยนมาใช้จ่ายผ่านทางดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซอย่างไม่หยุดยั้งส่งผลให้คุณ (ในฐานะเจ้าของแบรนด์) จำเป็นต้องสำรวจอย่างจริงจังว่าควรจะใช้วิธีใดเพื่อหาทางเชื่อมต่อกับลูกค้าประจำและตลาดเป้าหมายให้ได้
ความเร็วในการทำตลาดอาจเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชีวิตรอดในโลกภายหลังของการระบาด พิจารณาจากตัวอย่างผู้ค้าปลีกในยุโรปที่ร่วมกันสร้างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่สามารถใช้งานได้จริงในเวลาเพียง 13 สัปดาห์
นอกเหนือจากการสร้างหรือปรับปรุงช่องทางอีคอมเมิร์ซและช่องทางออนไลน์ที่มีอยู่แล้ว ขอแนะนำให้คุณสร้าง / หรือพัฒนาช่องทาง (D2C) ด้วยเพื่อที่จะสามารถเชื่อมต่อผู้บริโภคได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง
เทรนด์การตลาดดิจิทัลหลัง COVID-19 # 2: การเปลี่ยนแปลงแบบองค์รวม (Holistic Transformation)
เราได้พูดถึง COVID-19 ในฐานะตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัลไปแล้ว นอกเหนือจากช่องทางดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงแบบองค์รวมยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจ หากต้องการจะอยู่รอดและเติบโตในตลาดหลังการแพร่ระบาด
ธุรกิจของคุณจำเป็นต้องเริ่มสร้าง และ / หรือ ปรับปรุงช่องทางการช็อปปิ้งออนไลน์ ทั้งการสั่งซื้อ การพัฒนา User Experience เพื่อเสริมประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับลูกค้า รวมถึงบริการจัดส่ง ซึ่งหมายความว่าเจ้าของแบรนด์ต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างความพอใจสำหรับผู้บริโภค นอกจากนี้ คุณยังสามารถสร้าง demand ของลูกค้าด้วยการเพิ่มทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงิน การจัดส่ง และการรับสินค้า
เทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ เป็นกุญแจสำคัญในปฏิบัติการเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น แอพบนมือถือมีประโยชน์อย่างมากในการเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับธุรกิจของคุณ และช่วยให้การเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการเป็นไปอย่างรวดเร็ว การใช้ AI ระบบอัตโนมัติ และคลาวด์ ในส่วนต่าง ๆ ของธุรกิจยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงการส่งต่อข้อมูล ช่วยให้คุณในฐานะเจ้าของธุรกิจสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้เร็วขึ้นและมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง
อีกข้อหนึ่ง สิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจคือ การออกแบบช่องทางการซื้อที่สัมพันธ์กับประสบการณ์ของผู้บริโภค เพราะคนส่วนใหญ่ยังติดอยู่ที่บ้าน ความสะดวกสบายจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตที่กำลังจะมาถึง
หมายความว่าอย่างไร? หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกาย ในร้านค้าออนไลน์ของคุณจะต้องวางส่วนแสดงตัวเลือกชุดอยู่บ้านที่สวมใส่ได้สบายไว้ในหมวดหมู่สินค้าแนะนำ ที่มากไปกว่านั้น ผู้บริโภคยังมีแนวโน้มที่จะใช้เวลาดูส่วนเสริม (add-ons) และโปรโมชั่นบนหน้าเว็บฯ ควรที่จะเพิ่มส่วนนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในปัจจุบันและอนาคตจะมีเวลาว่างมากขึ้น (หรืออย่างน้อยก็มากกว่าที่เคยก่อนที่จะมีการระบาด) พวกเขาจึงต้องการแท็บ "เพิ่มสินค้าในรถเข็น" แบบที่สามารถกลับเข้ามาดูได้ในภายหลัง หากต้องการจะซื้อสินค้าอะไรเพิ่ม
ต้องพิจารณาด้วยว่า ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะจับจ่ายในช่วงเวลาที่ต่างกันเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ (อย่างเช่น ระหว่างช่วงพักของการทำงานที่บ้าน) นอกจากนี้ พวกเขายังมีแนวโน้มที่จะจับจ่ายสินค้าในหมวดหมู่ต่าง ๆ สำหรับคนอื่นในครอบครัว เนื่องจากสมาชิกทั้งหมดต้องถูกกักตัวอยู่ที่บ้าน
ประการสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด สิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจของคุณคือการทุ่มเทเพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้กับลูกค้า ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ จำเป็นมากที่ต้องจัดการกับความกังวลของผู้คนเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ต้องใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อให้ผู้บริโภคและผลิตภัณฑ์ / บริการ ของคุณปลอดภัยจาก COVID-19: เช่น การทำความสะอาดห้องพักในโรงแรมอย่างพิถีพิถัน, การใช้เทคโนโลยีช่วยเพื่อให้ลูกค้าผู้หญิงสามารถลองเครื่องสำอางได้ผ่านช่องทาง virtual reality, เพิ่มตัวเลือกให้ผู้บริโภคสามารถกำหนดเวลาในการช็อปปิ้งและอื่น ๆ ได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรจะจบอยู่ที่แค่นั้น คุณจะต้องสื่อสารว่าธุรกิจชองคุณมีมาตรการด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่เข้มงวดผ่าช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อสร้างความไว้วางใจและความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า - ส่วนผสมสำคัญ 2 ประการที่จะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะกำลังมีโรคระบาดอยู่ไหรือไม่
เทรนด์การตลาดดิจิทัลหลัง COVID-19 # 2: หลากหลายจุดยุทธศาสตร์
แม้ว่าการปฏิวัติทางการตลาดดิจิทัลจะเกิดขึ้นนานก่อนปี 2020 แต่การเติบโตและการเข้าถึงก็เร่งรุดขึ้นอย่างมากในสถานการณ์ปัจจุบัน ในขณะที่ช่องทางการตลาดแบบดั้งเดิม เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ และป้ายโฆษณา ยังคงส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อ แต่ประสิทธิภาพและการเข้าถึงของช่องทางเหล่านี้กลับลดลงเมื่อเทียบกับช่องทางดิจิทัล เพราะท้ายที่สุดแล้ว จำนวนของผู้คนที่ใช้เวลาบนโลกออนไลน์ยังไงก็มากกว่า เทียบกับที่เคยเป็นมา
ทุกวันนี้ ทุกคนใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน พวกเขาไม่เพียงแต่ท่องอินเทอร์เน็ตเท่านั้น แต่ยังหาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ต่าง ๆ จับจ่ายซื้อของ คลิกอ่านโฆษณา โต้ตอบบนช่องทางโซเชียลมีเดีย และกิจกรรมอื่น ๆ ปัจจุบัน ผู้คนเข้าใช้งานเว็บไซต์ไม่ใช่แค่เพื่อความบันเทิง แต่ยังเพื่อใช้ทำงาน ปรึกษาปัญหาสุขภาพกับผู้เชี่ยวชาญผ่าน video conference หรือเข้าร่วมในคลาสออกกำลังกายออนไลน์ เชื่อมต่อกับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อน เพิ่มทักษะการเรียนรู้ใหม่ ๆ และกิจกรรมอื่นอีกมากมาย
สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่า การทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จต่างจากการทำการตลาดของสื่อทั่ว ๆ ไปตรงที่จะต้องสร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับกลุ่มลูกค้า แน่นอนว่าการสร้างรูปแบบความสัมพันธ์สองทางอาจจะต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้น ... แต่รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแน่นอน
เนื่องจากผู้คนจำนวนมากก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้น ทำให้เวลาที่ใช้งานนานขึ้น ส่งผลต่อรูปแบบกิจกรรมเสมือนจริงในพื้นที่ออนไลน์ที่หลากหลายกว่าที่เคย การสร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ในช่องทางต่าง ๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ซึ่งหมายความว่าเจ้าของแบรนด์จะต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษเพื่อสร้างคอนเท้นท์การโฆษณา, มองหาช่องทางโฆษณาแบบ paid advertising, แจ้งแคมเปญทางอีเมล, การตลาดบนโซเชียลมีเดีย และกลยุทธ์การตลาดออนไลน์อื่น ๆ
แม้แต่ Deloitte ยังเน้นย้ำว่า ปัจจุบันผู้บริโภคใช้ช่องทางบนโลกดิจิทัลหลากหลายช่องทางในระหว่างการเลือกซื้อสินค้า ตัวอย่างเช่น ในขั้นตอนการค้นหาและประเมินสินค้า พวกเขามักจะอาศัยข้อมูลจาก search engine ฟีดบนโซเชียลมีเดียและคำยืนยันจาก influencer การจะทำการตลาดในหลายช่องทางเรียกอีกอย่างว่า omnichannelแนวทางนี้ช่วยให้ธุรกิจได้รับผลตอบแทนสูงสุดโดยใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มออนไลน์ที่หลากหลาย เพื่อขยายการเข้าถึงของลูกค้า สำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้กลยุทธ์นี้ การลงทุนการตลาดทางตรงแค่นั้นยังไม่เพียงพอ แต่ยังต้องลงทุนในโซเชียลมีเดีย, PR, พอดคาสต์และอื่น ๆ อีกมากมาย
จำไว้ว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคใช้ช่องทางดิจิทัลอย่างน้อย 3 ช่องทาง ดังนั้น ยิ่งคุณโปรโมตธุรกิจของคุณในแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเท่านั้น เคล็ดลับคือ คุณสามารถเปลี่ยนเนื้อหาบทความในบล็อกและกรณีศึกษา (Case Study) ออกมาเป็นวิดีโอขนาดสั้น, โพสต์บนโซเชียลมีเดีย, และเนื้อหาสำหรับโฆษณาดิจิทัล (Digital Ads)
เทรนด์การตลาดดิจิทัลหลัง COVID-19 # 3.1: วิดีโอ
เมื่อพูดถึงวิดีโอแล้ว งานวิจัยชี้ว่า ผู้คนมีแนวโน้มที่จะดูวิดีโอ 30 นาทีมากกว่าที่จะอ่านบล็อกโพสต์ทั้งหมด จากผลสำรวจล่าสุดยังพบว่า 1 ใน 2 คน ดูวิดีโออย่างน้อย 5 รายการทุกวัน
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ YouTube ซึ่งมีผู้ใช้งานมากกว่า 2 พันล้านคนต่อเดือนที่ดูวิดีโออย่างน้อยหนึ่งพันล้านชั่วโมง และช่วยสร้างยอดวิวกว่าพันล้านครั้งต่อวัน
นักการตลาดสี่ในห้าคนรายงานว่า วิดีโอเพิ่มยอดขายได้โดยตรง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมการทำการตลาดในรูปของวิดีโอจึงถือเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลทั้งหมด ดังนั้นอย่าลืมที่จะใช้ช่องทางนี้เพื่อสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจของคุณ
จากการสำรวจการตลาดวิดีโอของ Wyzowl นักการตลาดวิดีโอ 88 เปอร์เซ็นต์ ยืนยันว่าวิดีโอช่วยให้พวกเขาได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เพิ่มมากขึ้น เป็นจำนวนเกือบสามเท่าเมื่อเทียบกับในปี 2015
แหล่งที่มา: https://blog.hubspot.com/marketing/state-of-video-marketing-new-data
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ในกลุ่มธุรกิจที่ไม่เคยใช้วิดีโอในฐานะช่องทางเพื่อทำการตลาดถึง 59 เปอร์เซ็นต์ กล่าวว่าพวกเขากำลังวางแผนที่จะนำช่องทางนี้มาใช้ในปีนี้ (2020)
แหล่งที่มา: https://blog.hubspot.com/marketing/state-of-video-marketing-new-data
หากคุณไม่เคยใช้วิดีโอเพื่อเสริมกลยุทธ์การตลาดสำหรับธุรกิจ ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะพิจารณาช่องทางนี้ และใช้งานต่อไปแม้ว่าโรคระบาดจะสิ้นสุดลง
เทรนด์การตลาดดิจิทัลหลัง COVID-19 # 3.2: โซเชียลมีเดีย
โซเชียลมีเดียมีความสำคัญเท่าเทียมกันทุกแพลตฟอร์ม ในเดือนเมษายน การมีส่วนร่วมปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์บนโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นถึง 44 ครั้ง ต่อวัน แม้ว่าโพสต์โดยรวมของแบรนด์จะลดลง
Deloitte สังเกตเห็นส่วนแบ่งของการเข้าชม (Traffic) ที่เกิดขึ้นบนโซเชียลมีเดียซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงโรคระบาดนี้: จาก 6 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2019 เป็น 8 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2020 นอกจากนี้ Deloitte ยังรายงานด้วยว่า ในช่วงนี้ ผู้ซื้อ 14 เปอร์เซ็นต์ กำลังซื้อสินค้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย
เทรนด์การตลาดดิจิทัลหลัง COVID-19 # 3.3: Influencers
McKinsey & Company รายงานว่า 34 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ซื้อของบน Instagram อิงตามคำแนะนำของเหล่า Influencers ที่แค่ทวิตหรือโพสต์สั้น ๆ เกี่ยวกับแบรนด์บนโซเชียลมีเดียก็ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มอัตราการเข้าชมเว็บไซต์ของแบรนด์ ส่งผลให้มียอดขายเพิ่มขึ้น
ตัวอย่างเช่น ผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่นอน Casper กล่าวว่า Kylie Jenner ทำให้เว็บไซต์ของพวกเขารวนไปเลย เมื่อดาราสาวโพสต์เกี่ยวกับที่นอน Casper แบรนด์อย่าง Motorola, Sony, Pepsi, Dunkin 'Donuts และ M & M’s เองก็เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ Influencer เพื่อโปรโมตแบรนด์ของ ยังมีแบรนด์อย่าง BMW, Mercedes Benz, Nike และ Ralph Lauren ที่เลือกใช้กลยุทธ์เดียวกัน ลองหาอ่านเรื่องราวของแบรนด์ที่พูดถึงนี้ หากกำลังแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ที่จะพาไปสู่ความสำเร็จ
เทรนด์การตลาดดิจิทัลหลัง COVID-19 # 3.4: กิจกรรมเสมือนจริง
Zen Media รายงานว่า จำนวนกิจกรรมเสมือนจริงบนโลกออนไลน์ (Virtual Events) ทะยานสูงขึ้นถึง 1,000 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งการระบาดของ COVID-19 เริ่มต้นขึ้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บริษัทและองค์กรต่าง ๆ ยังจำเป็นต้องใช้ช่องทางดิจิทัลในการประชุมออนไลน์ การประชุมผ่าน Zoom และการสัมมนาผ่านเว็บ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ล่าสุด โปรโมตบริการ และใช้เพื่อเป็นช่องในการประสานการทำงานของพนักงาน รวมไปถึงการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค
การจัดกิจกรรมเสมือนจริงจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจถูกมองเห็นมากขึ้น สร้างโอกาสในการขาย และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ คุณสามารถเลือกใช้เซสชันไลฟ์สดของ Facebook ชั้นเรียนออนไลน์หรือ Demo สาธิตต่าง ๆ การสัมมนาผ่านเว็บกับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ หรือซีรีส์วิดีโอหัวข้อเฉพาะที่จะช่วยเจาะตลาดที่กำลังเล็งไว้
ความได้เปรียบของการจัดกิจกรรมเสมือนจริงบนโลกดิจิตอล ไม่เพียงแต่คุ้มค่ากว่าในเรื่องของค่าใช้จ่าย เมื่อเทียบกับการจัดกิจกรรมในพื้นที่จริง แต่มันยังเป็นช่องทางที่สะดวกกว่าในแง่การเข้าร่วมและความปลอดภัย เพราะผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันในทางร่างกาย ช่วยลดโอกาสในการแพร่เชื้อ เชื่อได้เลยว่าเทรนด์นี้จะยังคงอยู่ แม้ว่าการระบาดครั้งใหญ่นี้จะสิ้นสุดไปแล้ว
เทรนด์การตลาดดิจิทัลหลัง COVID-19 # 3.5: integration
นอกเหนือจากการเสริมกลยุทธ์ด้านดิจิทัลที่ว่ามา ยังมีข้อค้นพบอีกอย่างหนึ่งที่คนมักจะไม่รู้ แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องหลีกเลี่ยง นั่นคือก็คือช่องว่างระหว่างการสื่อสารภายในขององค์กร ผู้บริโภคสามในสี่ต้องการการปฏิสัมพันธ์ที่ต่อเนื่อง สอดคล้องกันในทุกแผนกของแต่ละส่วนเมื่อติดต่อเข้าไป แต่ 58 เปอร์เซ็นต์ เล่าว่า พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังคุยกับแต่ละแผนกแบบแยกส่วน แทนที่จะเป็นหนึ่งเดียวสอดคล้องกันทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บริโภค 7 ใน 10 คน คาดหวังว่าฝ่ายสนับสนุนลูกค้า (Customer Support) จะมีข้อมูลทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ แต่ 64 เปอร์เซ็นต์ ติว่า พวกเขาต้องมามัวอธิบายปัญหาที่กำลังเจออยู่ซ้ำไปมา เวลาที่ถูกส่งต่อเรื่องไปยังแผนกอื่น นี่คือตัวอย่างของบริษัทที่ปล่อยให้มีช่องว่างทางการสื่อสาร การใช้ระบบ CRM (Customer Relationship Management) ที่ดีและการคอยอัพเดตฐานข้อมูลคือสองวิธีที่จะช่วยจัดการจุดอ่อนที่ว่าได้
เทรนด์การตลาดดิจิทัลหลัง COVID-19 # 4: กลับมาโฟกัสกับเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์
ที่รุนแรงและซับซ้อนน้อยกว่าเทรนด์การตลาดออนไลน์หลัง COVID-19 อื่น ๆ คือการกลับมาของความนิยมในการใช้เดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ เนื่องจากการกักตัวอยู่ที่บ้านของผู้คน อัตราการเติบโตของการเข้าชมเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์มือถือ ซึ่งในปีที่ผ่านมา ได้รับการขนานนามว่าเป็นเทรนด์การตลาดดิจิทัลที่สำคัญ กลับมีอัตราเพิ่มขึ้นน้อยลงในปีนี้ คนจำนวนมากหันกลับไปใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปมากขึ้นเมื่อต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน เป็นอัตราเพิ่มขึ้นจาก 47 เป็น 52 เปอร์เซ็นต์
เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์นี้ สิ่งสำคัญคือคุณต้องรักษาสมดุลระหว่างการเข้าถึงแบรนด์ในทั้งสองช่องทาง ทั้งทางเดสก์ท็อปและทางเว็บไซต์บนมือถือ
เทรนด์การตลาดดิจิทัลหลัง COVID-19 # 5: การทำเพื่อสังคม
เทรนด์สุดท้ายของการตลาดดิจิทัลหลังยุค COVID-19 คือการเน้นย้ำวัตถุประสงค์ เมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตหลายอย่าง ผู้บริโภคในปัจจุบันและอนาคตล้วนถูกปลุกขึ้นด้วยความปรารถนาที่จะทำอะไรซักอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมโลก พวกเขายังคาดหวังมาตรการทางสังคมจากรัฐบาล จากเพื่อนร่วมชาติ หรือแม้แต่แบรนด์ที่พวกเขาเลือกบริโภค
งานวิจัยล่าสุดในออสเตรเลียเผยให้เห็นว่า ค่านิยมบางอย่าง เช่น “การเติบโตของวัฒนธรรมในการเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง - growing culture of doing the right things” “การเกื้อกูลดูแลสังคม - looking after society”และ "ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อจะเอาชนะวิกฤต - being all in this together" มีความสำคัญมากขึ้น ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากถึง 61 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า วิธีที่แบรนด์ตอบสนองในช่วงวิกฤตมีผลอย่างมาก ชี้ว่าพวกเขาควรจะสนับสนุนแบรนด์นั้นต่อไปหรือไม่ ภายหลังจากการระบาดยุติลง
งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคจำนวนมากคาดหวังว่าแบรนด์ที่ตัวเองเลือกใช้จะสนับสนุนในการเคลื่อนไหวหรือการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม หากเพิกเฉยก็อาจส่งผลลัพธ์ที่กระทบทั้งทางศีลธรรมหรือแม้แต่กระทั่งทางการเงิน
CMO Growth Council ซึ่งประกอบด้วยหัวหน้าเจ้าหน้าที่การตลาดหลายสิบคนจากแบรนด์ใหญ่ทั่วโลก ได้มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมเรื่องความหลากหลายทางเชื้อชาติในงานโฆษณา ในขณะเดียวกัน แบรนด์ข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือนเองก็พบว่ามีบทบาทในด้านการบริการชุมชนมากขึ้น โครงการริเริ่มทางสังคมที่มักเป็นที่นิยมในหมู่บริษัทต่าง ๆ มีหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการรณรงค์เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก โปรแกรมสำหรับการลงทะเบียนการเลือกตั้งในสหรัฐฯ และการนำเนื้อหาคอนเท้นท์ที่เป็นอันตรายออกจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
สิ่งนี้ส่งผลอย่างไรต่อการตลาดดิจิทัล? จากข้อมูลของ McKinsey & Company เราจำเป็นต้องสื่อสารเรื่องจุดประสงค์ของแบรนด์อย่างชัดเจน เช่น ประเด็นที่แบรนด์สนับสนุน หรือพื้นที่ที่ทางแบรนด์หวังจะเข้าไปพัฒนาหรือสร้างความเปลี่ยนแปลง เราสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้โดยการเข้าไปมีส่วนร่วมในโปรเจ็คท์เพื่อสังคม คัดเลือกพาร์ทเนอร์ของแบรนด์อย่างพิถีพิถัน หรือเน้นหลักปฏิบัติต่อคนงานอย่างยุติธรรมและมีมนุษยธรรม และสื่อสารข้อความเหล่านี้ไปยังสังคมผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
ปรับตัวเข้ากับเทรนด์การตลาดดิจิทัลหลัง COVID-19
การเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากทั้งห้าเทรนด์การตลาดออนไลน์ที่จะเกิดตามมาภายหลังการระบาด สามารถช่วยธุรกิจของคุณให้เติบโตได้แม้ในช่วงเวลาที่แสนวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่า ในขณะที่ทุกแบรนด์กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดรูปแบบเดียวกัน แต่แต่ละแบรนด์ย่อมต้องมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ดังนั้น การนำเทรนด์เหล่านี้มาใช้อาจจำเป็นต้องปรับให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ เพื่อที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของโลกยุคหลังการระบาดได้
Marketing Ignite พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ของคุณในภารกิจนี้ เราให้บริการด้านการตลาดดิจิทัลระดับโลกมาตั้งแต่ปี 1998 หากต้องการปรึกษากับเราว่าจะสามารถนำองค์ความรู้เรื่องเทรนด์ทั้งหมดนี้ไปใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับธุรกิจได้อย่างไรบ้างหลังจากการระบาดของ COVID-19 จบลง สามารถติดต่อหาเราที่ +66 (0) 118-0427 เพื่อรับ คำปรึกษาฟรีหรือ คลิกที่นี่เพื่อติดต่อเรา
ตอนนี้บอกเราหน่อยว่ากำลังวางแผนที่จะใช้เทรนด์ไหนเพื่อเสริมกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลหลังจากที่โรคระบาดหมดไป? สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ด้านล่าง!